หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดในพื้นที่ ภายในวันที่ 28 ธันวาคม 2561 ซึ่งเป็นวันทำการวันสุดท้ายของปี พ. 2561 โดยเมื่อผู้ประกอบกิจการได้ยื่นคำขอกับผู้อนุญาตแล้วให้ประกอบกิจการต่อไปได้ จนกว่าผู้อนุญาตจะมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ต่ออายุ แต่หากไม่ยื่นคำขอภายในระยะเวลาที่กำหนด เมื่อพ้นปีปฏิทิน พ. 2561 แล้วจะถือว่าสิ้นสภาพการเป็นสถานพยาบาลโดยทันที ไม่สามารถเปิดให้บริการได้ หากสถานพยาบาลใดเปิดให้บริการโดยไม่ได้รับอนุญาตจะถือว่ามีความผิดตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ. 2541 ด้านทันตแพทย์อาคม ประดิษฐสุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ (สพรศ. ) กล่าวว่า สำหรับสถานพยาบาลเอกชนที่จะต้องต่อใบอนุญาตก่อนสิ้นปีปฏิทิน พ. 2561 แบ่งเป็นโรงพยาบาลเอกชน 220 แห่ง จาก 364 แห่งทั่วประเทศ และคลินิก ประมาณ 1, 500 แห่ง จาก 5, 500 แห่งเฉพาะในเขตกรุงเทพฯ หากไม่มีการยื่นคำขอต่ออายุใบอนุญาตฯ ก่อนพ้นกำหนดแล้วก็จะถือว่าเป็นสถานพยาบาลเถื่อนตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ. 2541 ผู้ประกอบกิจการมีระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100, 000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ ผู้ประกอบกิจการสถานพยาบาลในเขต กทม. ที่ต้องการต่ออายุใบอนุญาตฯ สามารถยื่นคำขอหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์บริการธุรกิจสุขภาพ กรม สบส.
พล. ต. ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมด้วย พ. อ. หญิง ศิริกุล กฤตพิทยบูรณ์ พยาบาล สบ 5 โรงพยาบาลตำรวจ ในฐานะรองโฆษกตำรวจแห่งชาติ เข้ามอบข้าวของเครื่องใช้ สำหรับผู้ป่วยที่พักรักษาตัวอยู่ที่ ฮอลพิเทลโรงแรมทวินทาวเวอร์ แขวงรองเมือง เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร เป็นข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นของผู้ป่วยในขณะเข้ารับการรักษาตัวภายในฮอสพิเทล พร้อมกับให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาลตำรวจ ที่ทำงานดูแลผู้ป่วย มี พ. ท. หญิงมณฑาทิพย์ พินิจเวชการ นายแพทย์(สบ3) กลุ่มงานอายุรกรรม โรงพยาบาลตำรวจ นำทีมปฏิบัติการเข้าเวรประจำวันติดตามสัญญาชีพของผู้ป่วยทุกคน อีกทั้งเบิกยาให้ผู้ป่วยรับใหม่ รับย้าย ย้ายออก จำหน่ายกลับบ้าน พร้อมกับเอ็กซเรย์และเขียนรายงานอาการผู้ป่วยและดูแลความถูกต้องครบถ้วน หลังจากนั้น พล. ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยม พร้อมมอบข้าวของเครื่องใช้ให้กำลังใจแก่ข้าราชการตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่สถานีตำรวจทางด่วน 2 กองบังคับการตำรวจจราจร มี พ. ณัฐพัฒนส์ ธรรมชุตินันท์ ผู้กำกับการงานศูนย์ควบคุมจราจรด่วน 2กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจจราจร เป็นตัวแทนรับมอบ
เซกา จนมีการออกหมายจับ ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมทราบว่า นายจุฑานนท์ และ นายนัทธิ หลบซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ กทม. จึงนำกำลังตามจับกุมตัวได้ดังกล่าว สอบสวน ผู้ต้องหาทั้งสองคน ให้การปฏิเสธ แต่รับว่าตนเองเป็นธุระจัดหาเปิดบัญชีให้กลุ่มผู้กระทำความผิดจริง และได้ค่าจ้างเปิดบัญชีหรือจัดหาได้บัญชีละ 2, 500 ถึง 5, 000 บาท โดยยังมีผู้บงการอยู่เบื้องหลังอีกหลายคน แต่ไม่ทราบว่าเป็นผู้ใดบ้าง เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การทั้งหมด นอกจากนี้จากการตรวจสอบยังพบว่า กลุ่มผูต้องหาขบวนการดังกล่าวได้ก่อเหตุลักษณะเดียวกันหลายพื้นที่ มีผู้ตกเป็นเหยื่อกว่าสิบคน มูบค่าความเสียหายร่วมล้านบาท เบื้องต้นจึงนำตัวส่ง สภ. เซกา ดำเนินการตามกฎหมาย พร้อมกับ เร่งขยายผลติดตามผู้ร่วมขบวนการที่เหลือมารับโทษตามกฎหมายต่อไป Advertisement