มาดูกัน นาวสาวไทยคนแรก!!! ของประเทศไทย v v v v v v v v v กันยา เทียนสว่าง คือหญิงไทยคนแรกที่ได้รับตำแหน่ง นางสาวสยาม ซึ่งต่อมา ได้มีการเปลี่ยนแปลงชื่อตำแหน่งเป็น นางสาวไทย ประวัตินางสาวไทยคนแรกของประเทศไทย เธอมีชื่อ-สกุล จริงว่า เจียเป็งเซ็ง มีชื่อเล่นว่า ลูซิล เป็นบุตรคนโต จาก 5 คน ของนายสละ และนางสนอม เกิดวันที่ 30 สิงหาคม 2457 ที่บ้านปากเกร็ด จ. นนทบุรี เธอได้รับการสนับสนุนจากน้าชายให้เข้าประกวด นางสาวสยาม ในปี 2477 ด้วยวัย 21 ปี ซึ่งก่อนเข้าประกวด เธอมีอาชีพเป็นครูอยู่ใน ร. ร. ประชาบาลทารกานุเคราะห์ และเธอได้รับตำแหน่ง นางสาวสยาม คนแรกของประเทศไทย การประกวด นางสาวสยาม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงานฉลองรัฐธรรมนูญที่ใช้เป็นปีที่2 ส่วนของรางวัลที่ได้รับนั้นมีดังต่อไปนี้ มงกุฎ ทำด้วยผ้ากำมะหยี่ปักดิ้นเงิน ประดับโครงเงินและเพชร, ขันเงินสลักชื่อ "นางสาวสยาม ๗๗", ล็อกเก็ตห้อยคอทองคำ, เข็มกลัดทองคำลงยา อักษรว่า "รัฐธรรมนูญ ๗๗" และ เงินสด 1, 000 บาท ภายหลังพ้นจากตำแหน่ง ได้เข้าทำงานเป็นเจ้าหน้าที่หอสมุดแห่งชาติ ได้พบกับ ด็อกเตอร์สุจิต หิรัญพฤกษ์ ที่ทำงานอยู่กระทรวงต่างประเทศ และแต่งงานกันเมื่อ 31 ธันวาคม พ.
2475 โดยใช้นักบินจำนวน 6 คน นำโดย นาวาอากาศเอกวีระยุทธ ดิษยะศริน อ้างอิง [ แก้] ↑ ไสวย นิยมจันทร์. ไทยริเริ่ม. กรุงเทพฯ: ประเสริฐสิน, [2500] แหล่งข้อมูลอื่น [ แก้] กว่าจะมาเป็นเครื่องบินนางสาวสยามในวันนี้ Archived 2006-06-22 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน "The wings of Friendship" Miss Siam: the Spirit of Aviation Archived 2006-06-22 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน เกม ซิมเบียน สำหรับเล่นบน โทรศัพท์มือถือ ฟังเพลง นางสาวสยาม โดย คาราบาว Archived 2008-03-10 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน บทความเกี่ยวกับ เทคโนโลยี หรือ สิ่งประดิษฐ์ นี้ยังเป็น โครง คุณสามารถช่วยวิกิพีเดียได้โดย เพิ่มข้อมูล
2460 ไทยได้ประกาศเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 1 เตรียมส่งทหารไปร่วมรบกับฝ่ายสัมพันธมิตร นายเลื่อนซึ่งในขณะนั้นเรียนใกล้จะจบโรงเรียนนายร้อยอยู่แล้ว กลับตัดสินใจลาออกกลางคัน แล้วเข้าร่วมเป็นทหารอาสาไปรบที่ยุโรป (เข้าอยู่ในหน่วยยานพาหนะ) ภาพที่หาดูได้ยาก:ในสมัยรัชกาลที่ 6 ราชอาณาจักรสยาม ได้ประกาศสงครามกับต่อเยอรมันนี ในวันที่ 22 กรกฎาคม พ. 2460 และตัดสินใจส่งทหารอาสาจำนวน 1, 284 นายไปร่วมรบที่ฝรั่งเศส(cr:) เมื่อสงครามสงบ ทางราชการให้ทุนสนับสนุนทหารอาสาที่สนใจเรื่องเครื่องยนต์ไปเรียนต่อที่ปารีส ประเทศฝรั่งเศส นายเลื่อนสอบคัดเลือกเข้าได้เป็นอันดับหนึ่ง จึงได้ไปเรียนต่อจนจบหลักสูตรช่างยนต์ ต่อมาในปีพ.
2482 กล่าวตรงกันว่า การประกวดเมื่อเปลี่ยนมาเป็นชื่อ "นางสาวไทย" แล้วก็ยังได้แค่ทาแป้ง ทาปากเท่านั้น ห้ามเขียนคิ้ว ดังการบอกเล่าตอนหนึ่งว่า "สมัยก่อนนี้หน้าไม่แต่ง แค่ทาแป้ง ทาปากได้เท่านั้น ต้องเป็นธรรมชาติจริงๆ คิ้วก็ห้ามเขียน ไปดูหลังโรงนี่จำได้เลย คุณหญิงอมร ภรรยาคุณวิลาศ โอสถานนท์ ท่านเป็นกรรมการตัดสินอยู่ด้วย ต้องเอาสำลีชุบแอลกอฮอล์มาเช็ดคิ้ว ดูว่าใครเขียนคิ้วมาหรือเปล่า แล้วชุดประกวดนี่เนื่องจากเสื้อเปิดข้างหลัง เสื้อชั้นในจะไม่ได้ใส่กัน กระโปรงยาวก็จริง แต่หลังโรงนี่กรรมการเขาต้องเปิดดูช่วงขาด้วยนะ ว่ารูปร่างดีไหม ผิวดีหรือเปล่า…" แม้การประกวดเปลี่ยนมาเป็น "นางสาวไทย" เมื่อ พ. 2482 แล้ว แต่ดูเหมือนว่าเกณฑ์การประกวดก็ยังละเอียดไม่แพ้กัน อรสม บรรยายเกณฑ์การให้คะแนนในการประกวดช่วง พ.
ที่สุด กันยา (เทียนสว่าง) หิรัญพฤกษ์ ได้ป่วยด้วยโรคมะเร็งในมดลูก เธอเดินทางไปรักษาตัวที่เยอรมันเพื่อทดลองยาที่เพิ่งค้นพบใหม่ ด้วยความหวังกำลังใจจะหายจากโรคร้าย แต่อนิจจา โรคร้ายที่ว่าร้ายกาจแล้ว ยังมีปัญหาถาโถมเข้ามาในเส้นทางการเมืองของสามี ที่ต้องประสบมรสุมพายุใหญ่า ช่วงเดือนเมษายน พ. 2502 กรณีมีข่าวว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังทุจริตเรื่องการพิมพ์ธนบัตร เครดิต และด้วยเหตุที่สามีของเธอเป็นเลขานุการรัฐมนตรีฯ ทำให้กันยารู้ชะตาชีวิตตนเองว่าไม่มีโอกาสได้รักษาต่อไปแล้ว เธอจึงกลับมาเป็นขวัญกำลังใจเคียงข้างคู่ชีวิต และแม้ว่าในภายหลังผลการสอบสวนจะไม่พบการกระทำผิด เพราะเนื่องจากเป็นเรื่องของการเมืองในขณะนั้น แต่กว่าศาลฎีกาจะพิพากษาก็ลุเข้าวันที่ 31 มีนาคม พ. 2508 ซึ่งแปลว่า กันยามิได้มีโอกาสเห็นสามีผู้เป็นที่รักของเธอพ้นมลทิน นั่นก็เพราะ ก่อนหน้านั้น 5 ปี กันยา หิรัญพฤกษ์ ไก้ลาโกลไปแล้วตั้งวันที่ 16 พฤศจิกายน พ. 2503 ด้วยวัยเพียง 46 ปีเท่านั้น ร่างของเธอถูกเก็บไว้ ณ สุสานวัดมกุฏกษัตริยาราม ไว้นานถึง 21 ปี เพื่อรอการฌาปนกิจพร้อมกับการพระราชทานเพลิงศพ ดร. สุจิต คู่ชีวิตผู้เป็นที่รักเมื่อ 28 ธันวาคม พ.
ที่มา มติชนรายวัน ผู้เขียน พลเอกนิพัทธ์ ทองเล็ก เผยแพร่ วันที่ 14 กันยายน 2559 ภาพเก่าตอนนี้ ลองแวะมาดูตำนานเรื่องสวยๆ งามๆ ของสุภาพสตรีสยามเมื่อครั้งเก่าก่อนในรัชสมัยในหลวง ร. 7 ซึ่งสยามประเทศจัดประกวดนางสาวไทยขึ้นเป็นครั้งแรก ซึ่งเรียกว่า การประกวดนางสาวสยามในปี พ. ศ. 2477 สยามมีรัฐธรรมนูญฉบับแรกเมื่อปี พ. 2475 เมื่อใช้รัฐธรรมนูญจะครบ 2 ปี รัฐบาลต้องการสร้างสีสันฉลองการมีรัฐธรรมนูญสำหรับปวงชนชาวสยาม จึงมอบให้กระทรวงมหาดไทยไปคัดสาวงามจากจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศมาประชันความงาม มีสาวงามที่มาเข้าประกวด 50 คน เพื่อคัดเลือกสาวที่สวยที่สุดในแผ่นดินสยาม การประกวดสาวงามในปี พ. 2477 เป็นส่วนหนึ่งของการฉลองรัฐธรรมนูญสยามประเทศ สถานที่ที่ใช้ประกวดสาวงาม คือ บริเวณอุทยานสราญรมย์ ข้างๆ วัดโพธิ์ ถือเป็นพื้นที่ใจกลางกรุงเทพมหานครที่โก้หรู สาวงามทั้งปวงต้องเดินผ่านสายตากรรมการรอบแรกเริ่มตั้งแต่คืนวันที่ 10 ธันวาคม (ตรงกับวันรัฐธรรมนูญ) ในที่สุดกรรมการลงความเห็นคัดเลือกสาวงามที่สุดเพียงคนเดียว ที่เรียกว่านางสาวสยาม อย่างเป็นเอกฉันท์ในคืนวันที่ 12 ธันวาคม พ.
2482-2485 รัฐนิยมฉบับแรก ประกาศออกมาเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ. 2482 ซึ่งเป็น 'วันชาติ' ของประเทศไทยในช่วงระยะเวลาดังกล่าว โดยมีใจความสำคัญคือการเปลี่ยนชื่อประเทศจากสยาม มาเป็นไทยนั่นเอง และในบรรดารัฐนิยมทั้ง 12 ฉบับ ก็มีอยู่ฉบับหนึ่งที่ว่าด้วยการแต่งกายที่เป็นอารยะของชาวไทย คือ ฉบับที่ 10 ประกาศเมื่อวันที่ 25 มกราคม พ. 2484 นั่นหมายความว่า อย่างน้อยก็สำหรับรัฐบาลของจอมพลแปลกท่านแล้ว การแต่งกายที่เป็นอารยะ สัมพันธ์อยู่กับความเป็นไทย เพราะถูกประกาศอยู่ในรัฐนิยมเหมือนกัน ในขณะเดียวกัน คอสตูมที่เปลี่ยนไปในการประกวดนางสาวไทย (ที่เปลี่ยนมาจากชื่อ นางสาวสยาม ไม่ต่างจากชื่อประเทศ) เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม พ. 2482 ก็คือความเป็นไทยที่เป็นอารยะ อย่างน้อยก็ในสายตาท่านผู้นำแปลก และคณะ ที่มีขึ้นก่อนจะประกาศออกในรัฐนิยมนั่นแหละครับ วันที่ 8 ธันวาคม พ. 2484 กองทัพญี่ปุ่นได้ยกพลขึ้นบก ในชายหาดหลายแห่งของประเทศไทย ทำให้งานฉลองรัฐธรรมนูญประจำปีนั้นต้องยกเลิกไป ซึ่งหมายรวมถึงการประกวดนางสาวไทยด้วย หลังจากนั้นไทยเข้าร่วมในสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้ไม่มีการจัดการประกวดนางสาวไทยต่อเนื่องไปอีกหลายปี จนกระทั่ง พ.
นั้นท่านต้องการฉลองครบรอบ 2 ปีรัฐธรรมนูญ หลังจากประเทศสยามพิ่งจะมีรัฐธรรมนูญฉบับแรกเมื่อ พ.
ศ. 2486 หลังจากแต่งงาน มีบุตร ธิดาด้วยกัน 5 คน เธอป่วยเป็นโรคมะเร็งปากมดลูก และเสียชีวิตลง เมื่อ วันที่ 16 พฤศจิกายน พ. 2503 ในวัย 46 ปี เครดิต: แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 27 เมษายน 2553 / 17:48 PS. ขอให้ทุกอย่าง จงเป็นอย่างที่เราต้องการด้วยเถิดดดด สาธุ!! !
โดยเพจ ดาราภาพยนตร์ ได้โพสตภาพ คุณวณี เลาหเกียรติ อายุ100ปี เจ้าของตำแหน่ง นางสาวสยามคนที่ 2 มารับบริการฉีดวัคซีน AstraZeneca เพื่อป้องกันโควิด19 คุณวณี เลาหเกียรติ อายุ100ปี เกิด: 3 เมษายน 2464)เจ้าของตำแหน่ง นางสาวสยามคนที่ 2 มารับบริการฉีดวัคซีน AstraZeneca เพื่อป้องกันโควิด19 ที่ #โรงพยาบาลเทพธารินทร์ ในรอบกลุ่มประชาชนกลุ่มผู้สูงอายุ คุณวณี สมประสงค์ (สกุลเดิม: เลาหเกียรติ; 3 เมษายน พ. ศ. 2464) หรือชื่อเดิมว่า เอเวอลีน เลาหเกียรติ เป็นนางสาวสยาม พ. 2478 วณีเป็นบุตรสาวคนเดียวของร้อยตำรวจเอก บุญจินต์ เลาหเกียรติ กับละม่อม จันทรเวคิน ครอบครัวทั้งฝ่ายบิดามารดาล้วนเป็นข้าราชการ ย่าเป็นลูกครึ่งเปอรานากันจากสิงคโปร์ ขณะมีอายุได้หนึ่งเดือนจึงถือศีลล้างบาป โล่ เง็ก ล้วนผู้เป็นย่าจึงเลือกชื่อให้ว่า เอเวอลีน เลาหเกียรติ ตามชื่อนักบุญเอเวอลีน และใช้ชื่อนี้มาตลอดกระทั่งเปลี่ยนช่วงประกวดนางสาวพระนครเมื่อปี พ. 2478ขณะอายุได้เพียง 9 ปี มารดาก็เสียชีวิตลง วณีจึงอยู่ในการดูแลของหลวงขจรยุทธกิจ (เทา จันทรเวคิน) ผู้เป็นตา เริ่มเข้าการศึกษาระดับอนุบาลที่โรงเรียนเซนต์แมรี กุหลาบวิทยาซึ่งเป็นโรงเรียนแม่ของโรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัย ต่อมาได้ย้ายไปศึกษาต่อที่โรงเรียนอัสสัมชัญ โรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนเวนต์ และโรงเรียนเซนต์ฟรังซีสซาเวียร์คอนแวนต์ เหตุที่จำต้องย้ายโรงเรียนบ่อย ก็เพราะย้ายตามที่ทำงานของพ่อที่เป็นตำรวจ ในปี พ.